วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ครั้งที่ 7 วันที่ 29 กรกฎาคม 2553

วันนี้อาจารย์ได้แจกชีทเรื่องเกมการศึกษา ในชีทจะมีตัวอย่างเกมการศึกษา และอาจารย์ก็ได้ให้ไปทำเกมการศึกษามา คนละ 1 อย่าง แล้วให้วาดหรือถ่ายรูป หรือสแกนลงในบล็อก อาจารย์ก็จะเข้ามาดูและจะคอมเม้นให้ด้วย ว่าใช้ได้หรือไม่ อาจารย์ได้พูดถึงเรื่องที่จะพาไปทัศนศึกษาที่ สัตหีบ ชลบุรี ในวันที่ 17-18 สิงหาคม นี้ ด้วยค่ะ



เกมการศึกษา





วิธีการเล่น
-วางรูป ท้องฟ้า แม่น้ำ ถนน ไว้ก่อน(วางแนวไหนก็ได้)
-เลือกรูปยานพาหนะที่ใช้ใน ท้องฟ้า แม่น้ำ ถนน มาวางเรียงต่อกัน


จุดมุ่งหมาย
-เพื่อฝึกการจำแนกด้วยสายตา
-ฝึกประสาทสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา
-ฝึกการแยกประเภทหรือการจัดหมวดหมู่
-ฝึกการสังเกตและเปรียนเทียบ

ครั้งที่6 วันที่ 22 กรกฎาคม 2553

เกมการศึกษา คือ เกมการเล่นที่มีความหลากหลาย มีกฏ กติกา ข้อตกลง ในการเล่น

ความสำคัญ
- ทำสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม
- ได้รับประสบการณ์ตรง จำได้นาน
- รวดเร็ว เพลิดเพลิน เข้าใจง่าย

ลักษณะของสื่อที่ดี
-ต้องมีความปลอดภัย
-ประโยชน์ที่เด็กจะได้รับเหมาะสมกับความต้องการของเด็ก ความสนใจ
-ประหยัด
-ประสิทธิภาพ

หลักการเลือกสื่อ
-คุณภาพดี
-เด็กเข้าใจง่าย
-เหมาะสมกับวัย
-เหมาะสมกับเวลาทที่ใช้
-เด็กได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม
-ถูกต้องตามเนื้อหา ทันสมัย
เด็กได้คิดเป็น ทำเป็น กล้าแสดงออก

ครั้งที่5 วันที่15กรกฎาคม2553

การนำเสนอสื่อ

วันนี้อาจารย์ให้ทุกคนนำสื่อที่เตรียมมา มานำเสนอหน้าชั้น ว่าสื่อของแต่ละคนเป็นสื่อประเภทไหน มีวิธีการเล่นอย่างไร เหมาะกับเด็กอายุกี่ขวบ
สื่อของข้าพเจ้า เป็นสื่อประเภทเกมการศึกษา เป็นสื่อการจัดประเภทของเครื่องใช้ในบ้าน ว่า สิ่งของอันไหน ควรอยู่ในส่วนไหนของบ้าน สื่อของข้าพเจ้าเหมาะสำหรับเด็กอายุ3 ปีขึ้นไป วิธีการเล่นก็คือ นำรูปภาพสิ่งของแต่ละอย่างมาจัดว่า อันไหน อยู่ในประเภทอะไร เช่น หม้อ กะทะ ตะหลิว ควรอยู่ในห้องครัว แจกันดอกไม้ รูปภาพ โต๊ะรับแขก ควรอยู่ในห้องรับแขก เป็นต้น

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ครั้งที่4 วันที่ 8 กรกฏาคม 2553

การแบ่งประเภทของสื่อ
* ตามระดับประสบการณืการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ไดรับจากสื่อ
* ตามลักษณะของสื่อและวิธีการใช้งาน
(แนวคิดของเอ็ดการ์ด กรวยประสบการณ์ 11 กลุ่ม )ประกอบด้วย
1.ประสบการณ์ตรง
2.ประสบการณืรอง
3.ประสบการณ์นาฏการหรือการแสดง
4.การสาธิต
5.การศึกษานอกสถานที่
6.นิทรรศการ
7.โทรทัศน์
8.ภาพยนตร์
9.การบันทึกเสียง
10.ทัศนสัญลักษณ์
11.วจนสัญลักษณ์

หลักการเลือกสื่อการเรียนการสอน
1.เลือกสื่อการสอนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้
2.เลือกสื่อการสอนที่ตรงกับลักษณะของเนื้อหาของบทเรียน
3.เลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน
4.เลือกสื่อการสอนให้เหมาะกับจำนวนของผู้เรียนและกิจกรรมการเรียนการสอน
5.เลือกสื่อการสอนที่เหมาะกับสภาพแวดล้อม
6.เลือกสื่อการสอนที่มีลักษณะน่าสนใจ
7.เลือกสื่อการสอนที่มีวิธีใช้งาน เก็บรักษา และบำรุงรักษาได้สะดวก

อาจารย์ให้หาสื่อคนละ 1 ชิ้น
*สื่อแต่ละชิ้นมีวัตถุประสงค์ให้เด็กเกิดเจตคติ พุทธพิสัย ทักษะพิสัย อย่างไร
*วิธีการใช้สื่อใช้อย่างไร
*ใช้สอนเด็กอายุเท่าไหร่ เด็กทำได้มั้ย เพราะอะไร
*สื่อชนิดนี้สอนให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างไร

ครั้งที่ 3 วันที่1 กรกฏาคม 2553

สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยูรอบตัวเรา เช่น วัสดุ อุปกรณ์และเทคนิควิธีการต่างๆคุณค่าการเลือกสื่อการเรียนการสอนสื่อกับผู้เรียน-ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนได้เร็วขึ้น-ช่วยให้สนใจบทเรียนและใช้ประสาทสัมผัสในการรับรู้ได้-ให้ประสบการณ์รูปธรรมแก่ผู่เรียนและเกิดความประทับใจจดจำได้นาน-ส่งเสริมความคิด การแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์

หลักการเลือกสื่อการสอน

1.สื่อต้องสัมพันธ์กับมาตตรฐานการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
2.เลือกสื่อที่มีเนื้อหาถูกต้อง ทันสมัย น่าสนใจ
3.เป็นสื่อที่เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น ความรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียน
4.สื่อนั้นควรสะดวกในการใช้ มีวิธีใช้ไม่ซับซ้อน ยุ่งยากจนเกินไป
5.ต้องเป็นสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลิตที่ดีมีความชัดเจนและเป็นจริง
6.มีราคาไม่แพงจนเกินไปหรือถ้าจะผลิตเองควรคุ้มกับเวลาและการลงทุน
ขั้นตอนการใช้สื่อ
1.ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
2.ดำเนินการสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียน
3.ขั้นวิเคราะห์และฝึกปฏิบัติ
4.ขั้นสรุปบทเรียน
5.ขั้นประเมินผู้เรียน
หลักการใช้สื่อการเรียนการสอน
1.เตรียมตัวผู้สอน
2.เตรียมสภาพแวดล้อม
3.เตรียมพร้อมผู้เรียน
การเลือกดัดแปลงหรืออกแบบสื่อ
1.เลือกจากสื่อที่มีอยู่แล้ว
2.ดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว

ครั้งที่ 2 วันที่ 24 มิถุนายน 2553

อาจารย์ได้พูดถึงนิยามของสื่อและได้ให้แบ่งกลุ่มกลุ่มละ5 คน ให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยให้แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าที่ช่วยกันแสดงความคิดเห็นคิดคำตอบเรียบเรียงข้อมูลและนำเสนออาจารย์ อาจารย์ให้การบ้านโดยให้หาทฤษฎีเยวกับเด็ปฐมวัยให้อ่านและโพสต์ใส่บล็อกนักทฤษฎีทฤษฎีของอีริคสัน เป็นทฤษฎีที่อธิบายพัฒนาการของชีวิตตั้งแต่งวัยทารกจนถึงวัยชรา อีริคสันเชื่อว่า วัยแรกของชีวิตเป็นวัยที่เป็นรากฐานเบื้องต้น และวัยต่อ ๆ มาก็สร้างจากรากฐานนี้ ถ้าหากในวัยทารกเด็กได้รับการดูแลอย่างดีและอบอุ่น ก็จะช่วยให้เด็กมีความเชื่อถือในผู้อื่นที่อยู่รอบ ๆ ตั้งแต่บิดามารดา บุคคลต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเขา จะช่วยให้เด็กช่วยตนเอง มีความตั้งใจที่จะทำอะไรเอง และเมื่อเขาเติบโตขึ้นก็จะเป็นผู้ที่รู้สึกว่าตนเองมีสมรรถภาพที่จะทำอะไรได้ นอกจากนี้จะมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น สามารถที่จะยอมรับสิ่งที่ดีและไม่ดีของตนเองได้และผู้อื่นสามารถที่จะสนิทสนมกับผู้อื่น ทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามโดยสนิทใจ โดยไม่มีความอิจฉาว่าเพื่อนจะดีกว่าตน เมื่อเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นผู้เสียสละไม่เห็นแก่ตัวดูแลผู้ที่อ่อนเยาว์กว่า เช่น ลูกหลาน หรือคนรุ่นหลังต่อไป และเมื่ออยู่ในวัยชราก็จะมีความสุข เพราะว่าได้ทำประโยชน์และหน้าที่มาอย่างเต็มที่แล้ว อีริคสสันถือว่าชีวิตของคนเรา แต่ละวัยจะมีปัญหา บางคนก็สามารถแก้ปัญหาด้วยตนเอง และดำเนินชีวิตไปตามขั้น แต่บางคนก็แก้ปัญหาเองไม่ได้ อาจจะต้องไปพบจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาช่วยเพื่อแก้ปัญหา แต่บุคลิกภาพของแต่ละบุคคลเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และทุกคนมีโอกาสที่จะแก้ไขบุคลิกภาพของตน และผู้ใหญ่ที่อยู่แวดล้อมก็มีส่วนที่จะช่วยส่งเสริมหรือแก้ไขบุคลิกภาพของผู้เยาว์ที่อยู่ในความดูแลให้เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข

ครั้งที่1 วันที่ 17มิถุนายน 2553

1.อาจารย์ได้พูดถึงระเบียบการกฏระเบียบการเข้าใช้ห้องและให้ตรงต่อเวลาการแต่งกายให้ถูกระเบียบของมหาวิทยาลัย
2.อาจารย์ให้เขียนประวัติส่วนตัวให้ละเอียด
3.อาจารย์ได้พูดถึงการตั้งชุมนุมการศึกษาปฐมวัยเพื่อที่จะได้มีรายได้เข้าเอกปฐมวัยและน้องๆก้อจะไดเลือกชมรมของเอก
4.อาจารย์ให้สร้างบล็อกในเว็บบล็อกเกอร์ทำเป็นแฟ้มสะสมงานแทนการใช้กระดาษเพื่อลดโลกร้อนและให้ตกแต่งบล็อกของตนเองใส่นาฬิกาและปฏิทินด้วย